23 เมษายน 2556

งานวิจัยชี้เสาวรสผลไม้มากคุณประโยชน์

งานวิจัยชี้เสาวรสผลไม้มากคุณประโยชน์                 
   


เรียบเรียง โดย อมรรัตน์  หิญชีระนันทน์                                                                              
ภารกิจข้อมูลวิจัยและการบริหารจัดการข้อมูล
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

        เสาวรส (Passion fruit) มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันอย่างหลากหลายว่า  กะทกรก กะทกรกฝรั่ง เสาวรส กะทกรกยักษ์  กะทกรกสีดา และ เสาวรสสีดา สำหรับความเป็นมาของเสาวรส หรือกะทกรก เดิมนั้นอยู่แถบอเมริกาใต้ เริ่มมีการแพร่ขยายไปปลูกในภูมิภาคต่างๆ นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๙เป็นต้นมา  สำหรับประเทศไทยได้นำพันธุ์เสาวรสเข้ามาปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เสาวรสเจริญเติบโตได้ดีทางภาคเหนือ  หรือเขตอากาศร้อนชื้นทางภาคกลางและภาคตะวันออก  


ลักษณะทางกายภาพ 
เสารสมีลำต้นเป็นเถา ผลกลมเปลือกแข็ง มีทั้งพันธุ์สีม่วงและสีเหลือง    เป็นผลไม้ที่มีน้ำค่อนข้างเยอะ รสชาติออกเปรี้ยวและหอม  เถามีมือเกาะออกตามซอกใบ เมื่อผลสุกจะมีสีต่างๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ สำหรับพันธุ์ที่นิยมปลูกมากในประเทศไทยมี ๓ พันธุ์ คือ


๑.พันธุ์สีม่วง ผลสุกผิวมีสีม่วงเข้ม มีรสชาติหวาน กลิ่นหอมน่ารับประทาน นิยมรับประทานผลสด
๒.พันธุ์สีเหลือง ผลสุกผิวสีเหลืองเป็นมัน เปลือกจะหนาและมีรสชาติเปรี้ยว  เหมาะสำหรับการแปรรูปเป็นเครื่องดื่มและผสมน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ
๓.พันธุ์ลูกผสมสีเหลืองและสีม่วง  มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานทานสดๆ ได้ ข้อเด่นของพันธุ์ผสมคือ ผลใหญ่ให้ผลดก  มีรากหุ้ม  เมล็ดบาง  และต้านทานโรคได้ดี 
                                                                                                                              
น้ำเสาวรส  อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ มากมาย อาทิ เบต้า แคโรทีน วิตามินซี แคลเซียม โซเดียม  แมกนีเซียม  ฟอสฟอรัส  และโพแทสเซียม สามารถนำไปแต่งกลิ่นประกอบอาหาร   และขนมต่างๆ  คั้นเป็นน้ำเสาวรสจะมีรสชาติดีมาก   สามารถนำมาทำแยมเสาวรส   เสาวรสหยี  เสาวรสอบแห้ง เยลลี่สำหรับรับประทานเป็นอาหารว่างก็ได้ นำมาทำไวน์  ลูกกวาด ไส้ขนมเค้ก   หรือน้ำซอสเสาวรส  และสามารถใช้แต่งกลิ่นรสในนมเปรี้ยว นอกจากนี้เสาวรสยังใช้เป็นส่วนผสมในฟรุต-สลัด ฯลฯ   มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา  วิตามินซีช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค  รักษาสภาพเยื่อบุผิว เป็นต้น


สรรพคุณทางยา  มีมากมายเช่นกัน อาทิ  ลดไขมันในเส้นเลือด ใบสดของเสาวรส นำมาพอกแก้หิด ดอกใช้ขับเสมหะ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา และ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ   กำจัดสารพิษในเลือด  และสามารถลดความดันโลหิตสูง ช่วยฟื้นฟูตับและไตได้อย่างดี นอกจากนี้น้ำมันที่ผลิตได้จากเมล็ดเสาวรส  นำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดช่วยในเรื่องผิวพรรณ  ลดการอักเสบของสิว และยังช่วยลดจุดด่างดำรอยเหี่ยวย่นได้ด้วย  น้ำเสาวรสยังเป็นน้ำมันที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายในการนวดได้ดีอีกด้วย นิยมใช้นวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดี  เปลือกเสาวรสนำมาเป็นอาหารสัตว์และนำมาทำปุ๋ยหมักได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง                                                          
รายงานการวิจัย  วสาวี พิชัย  สำนักสารสนเทศ วิทยบริการและเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
ช่อลัดดา  เที่ยงพุก  ฝ่ายกระบวนการผลิตและแปรรูป สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ฐานข้อมูลสมุนไพรไทย  ม.อุบลราชธานี
ข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล                        
ลิขสิทธิ์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่    
http://www.oknation.net/blog/somchoke101/2008/10/30/entry
http://www.stou.ac.th/study/sumrit/1251(500)/page1-12-51(500).html
http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000087235  
http://www.womenthai.com
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น