เยอรมันขีดเส้นตายปี 2030 รถยนต์ใหม่ทุกคัน ต้องไม่สร้างมลพิษ
หลายต่อหลายประเทศในทวีปยุโรปต่างก็กำลังเดินหน้าขับเคลื่อน พัฒนาประเทศ
เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศให้น้อยลง ผ่านการดำเนินงาน
เร่งผลักดันกระบวนการผลิตพลังงานทดแทน ไปพร้อม ๆ
กับการควบคุมก๊าซเรือนกระจกในภาคการขนส่ง
โดยขณะนี้ทางประเทศเยอรมนีได้ยืนยันเรียบร้อยแล้วที่จะไม่สร้างมลภาวะบนท้อง
ถนน ด้วยมาตรการที่มีผลบังคับใช้กับรถยนต์จดทะเบียนใหม่ทั้งหมดในประเทศ
ซึ่งจำเป็นต้องมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในไม่เกินปี 2030 นอกจากนี้กฎที่ออกมาใหม่นั้น
ยังเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในแผนการระยะยาวที่ถูกกำหนดเอาไว้ก่อนปี 2050
ว่าจะกำจัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 95% อีกด้วย
โดย Mr. Rainer Baake รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ เผยว่า
"ตามความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา
ในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งของประเทศเยอรมนี
ไม่มีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเลย
โดยแม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีทางออกที่ดีสำหรับรถบรรทุก
แต่ว่าในส่วนของรถยนต์นั้น
จะกลายเป็นคำตอบของการปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน"
ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินงานสู่ความสำเร็จทางรัฐบาลเยอรมนีจึงได้มี
การปลุกระดมประชาชนด้วยการประกาศโครงการมอบบัตรกำนัลเงินสดส่งเสริมยอดขายรถ
ยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4,500
เหรียญดอลลาร์สหรัฐสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท และ 3,400
เหรียญดอลลาร์สหรัฐสำหรับรถยนต์ไฮบริดอีกด้วย
สรุปแล้วรวมเป็นเงินลงทุนมูลค่าทั้งสินกว่า 1.1
พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคาดการณ์ว่าโปรแกรมการ
สร้างแรงจูงใจในการซื้อสินค้านี้
จะช่วยส่งผลทำให้ปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนในปี 2020 เพิ่มสูงขึ้นถึง
500,000 คัน ซึ่งนับได้ว่าตรงกับช่วงของแผนการลดก๊าซมลพิษของประเทศที่ 40%
พอดิบพอดีอีกด้วย โดยยอดรวมการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันของเยอรมนี
คิดเป็นรถยนต์พลังงานไฮบริด 130,000 คัน และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 25,000 คัน
(สถิติเมื่อเดือนมกราคม 2016) ตามมาด้วย รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 30
ล้านคัน และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลอีก 14.5 ล้านคัน
ทั้งนี้การกระตุ้นยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นจะช่วยให้ประเทศสามารถมุ่ง
สู่การบรรลุเป้าหมายปี 2050 ได้อย่างมั่นคง
เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับอนาคต
-------------------------------------------------
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบ:http://inhabitat.com
แปลและเรียบเรียงบทความโดยCopyright: www.energysavingmedia.com
-------------------------------------------------
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบ:http://inhabitat.com
แปลและเรียบเรียงบทความโดยCopyright: www.energysavingmedia.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น