“ปลาทู” เป็นปลาที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ เห็นได้จากคำพังเพยที่มีใช้ติดมาถึงปัจจุบัน “ข้าวใหม่ปลามัน”และเป็นอาหารประจำชาติ “น้ำพริกปลาทู” นอกจากนี้เดิม “ปลาทูนึ่ง” หรือ “ปลาทูเข่ง” ยังถือว่าเป็นอาหารหลักของคนพื้นบ้าน เนื่องจากมีรสชาติดี ราคาถูก ประกอบกับมีปริมาณมาก ทำให้มีการกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ยิ่งกว่าปลาทะเลชนิดอื่นๆ จนอาจกล่าวได้ว่า “ปลาทู” เป็นตัวแทนของปลาทะเลในประเทศไทย เพราะฉะนั้น“ปลาทู” จึงเป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติที่ควรอนุรักษ์ดำรงไว้ไม่ให้เหลือเพียงคำพังเพย คำกล่าวอ้าง หรือมีเฉพาะในบทเรียน เท่านั้น.. เห็นได้ว่า ปลาทู มีความสำคัญกับคนไทยมาช้านาน ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่อยู่เคียงข้างกับเราชาวไทยเป็นอาหาร 1 อย่างที่บ้านเราต้องมีกันทุกคนในสำรับอาหาร ลองมาดูกันครับว่า ปลาทู มีอะไรมากกว่าที่ตาเราเห็นไหมครับ
ปลาทู (อังกฤษ: Mackerel) เป็นปลาทะเลที่อยู่ในสกุล Rastrelliger ในวงศ์ Scombridae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับปลาโอ, ปลาอินทรีและปลาทูน่า มีพฤติกรรมมักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงบริเวณกลางน้ำถึงผิวน้ำในทะเลเขตร้อนตั้งแต่บริเวณชายฝั่งจนถึงระดับความลึก 200 เมตร โดยเฉพาะแถบน่านน้ำอินโดแปซิฟิกอันได้แก่ น่านน้ำประเทศพม่า มาเลเซีย อินโอนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ในน่านน้ำไทยนั้นจะพบปลาทูได้ทั้งบริเวณอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน พบทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ปลาทูสั้น (Short mackerel,Indo-Pacific macerel;Rastrelliger brachysoma(Bleeker,1851))
1. ปลาทูสั้น (Short mackerel,Indo-Pacific macerel;Rastrelliger brachysoma(Bleeker,1851))
เป็นชนิดที่นิยมบริโภคมากที่สุด
ชื่อไทย ปลาทู
ชื่อสามัญ SHORT-BODIED
MACKEREL
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rastrelliger brachysoma (Bleeker)
ถิ่นอาศัย
ผิวน้ำและกลางน้ำในทะเล
พบแพร่กระจายทั่วไปทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
อาหาร กินลูกปลา
สัตว์ไม่มีกระดูกและแพลงค์ตอน
ขนาด ความยาวประมาณ
15-20
เซนติเมตร
---------------------------------------------------------------------------
2. ปลาทูลัง (Indian macerel; R.Kanagurta(Cuvier,1816)
ชื่อสามัญ INDIAN MACKERREL
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rastrellige Kanagurta(Cuvier,1816)
ถิ่นอาศัย พบแพร่กระจายทั่วไปทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
อาหาร กินแพลงค์ตอน
ขนาด ความยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร
---------------------------------------------------------------------------
3. ปลาทูปากจิ้งจก หรือปลาลังปากจิ้งจก (Island mackerel; R.faughni Matsui,1967)
(กรมประมง,2548)
(กรมประมง,2548)
ชื่อสามัญ Island mackerel
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rastrelliger faughni Matsui,1967
ถิ่นอาศัย ผิวน้ำและกลางน้ำในทะเล พบแพร่กระจายทั่วไปทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
อาหาร แพลงค์ตอน
ขนาด ความยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร
---------------------------------------------------------------------------
ซึ่งจะพบว่าปลาทูสั้นเป็นปลาทูที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสูงสุด
ปลาทู ผสมพันธุ์ ปลาทูเป็นปลาแยกเพศ กล่าวคือ มีตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งมีการผสมพันธุ์กันภายนอกตัว โดยเวลาผสมพันธุ์ ตัวผู้และตัวเมีย จะว่ายน้ำขนานกันแล้วจะปล่อยไข่และน้ำเชื้อออกมาผสมกัน ไข่ปลาทูภายหลังจากที่ได้รับการผสมแล้วจะล่องลอยไปตามกระแสน้ำและฟักออกเป็นตัวอ่อนภายใน ๒๔ ชั่วโมง โดยมีความยาวลำตัวประมาณ ๓.๐ – ๓.๒ มิลลิเมตร ปลาทูสั้นมีไข่ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ฟอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งวางไข่ของปลาทู
คำบอกกล่าวในอดีต เชื่อกันว่าปลาทู วางไข่ในแถบทะเลจีนใต้บริเวณเกาะไหหลำ แล้วลูกปลาจะว่ายน้ำเลาะแหลมอินโดจีนลงมาทางใต้ เมื่อถึงอ่าวไทยลูกปลาเหล่านั้นก็จะโตได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ ต่อมากรมประมงได้ทำการศึกษาวิจัยจนพบว่า ปลาทู ดำรงชีวิตอยู่ในน่านน้ำไทยเรานี้เอง โดยแหล่งวางไข่ที่สำคัญ คือ บริเวณแหลมแม่รำพึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง เกาะพะงัน เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี นอกจากนี้ ยังพบว่าปลาทู มีการวางไข่เกือบตลอดทั้งปี
โดยช่วงที่มีการวางไข่มากมีอยู่ ๒ ช่วงด้วยกัน
คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน และอีกช่วงหนึ่งระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม
การจับปลาทู
ในอดีตเครื่องมือใช้จับปลาทูที่สำคัญ คือ
โป๊ะ อวนล้อมติดตา อวนตังเก
อวนล้อมและอวนดำ
แต่ในปัจจุบัน
จะพบว่าเครื่องมือหลักที่ยังคงใช้จับปลาทู
ได้แก่ อวนดำ อวนล้อมติดตา
และอวนลากคู่ แหล่งทำการประมงปลาทูที่สำคัญในอ่าวไทย มีอยู่
3 บริเวณด้วยกัน คือ
บริเวณอ่าวไทยตอนใน
บริเวณฝั่งตะวันตก
ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช
และบริเวณจังหวัดตราด ปลาทู
มีขนาดโตเต็มที่พร้อมที่จะมีการผสมพันธุ์
จะมีความยาวของลำตัวประมาณ ๑๗ – ๑๘ เซนติเมตร
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประโยชน์คุณค่าทางโภชนาการของปลาทู
ประโยชน์คุณค่าทางโภชนาการของปลาทู
ปลาทู เป็นปลาที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาหารทะเลหลักของคนไทยมาช้านาน ปลามีรสชาติที่อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในปลาทูจะมีสารโอเมก้า -3 (omega-3) ค่อนข้างมาก ราคาก็ไม่แพง แถมยังถูกปากคนไทยเป็นที่สุด
โดยในเนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอกับร่างกาย เนื่องจากในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณ 3 กรัมต่อวัน
ความเชื่อที่ว่าทานปลาแล้วจะฉลาด นับว่าเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องที่สร้างมาหลอกเด็กอีกต่อไป เพราะการทานปลาที่มีโอเมก้า 3 สำหรับเด็กจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และช่วงบำรุงทำให้สมองแข็งแรง ตลอดจนในผู้สูงอายุ ที่ร่างกายเริ่มเสื่อโทรมไปตามกาลเวลาการทานโอเมก้า 3 ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้าไปช่วยปรับสมดุลและทำให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การทานโอเมก้า 3 นั้น ควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะจึงจะเป็นประโยชน์ที่สุด ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าการรับประทานปลาทูเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะทานอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาเข้าไปอีก ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องสิ้นเปลืองเงินทองที่จะต้องไปหาซื้อมารับประทานอีก ทางที่ดีทำอะไรก็ทำให้พอเหมาะพอเพียงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงดีกว่าครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลงานวิจัยเกี่ยวกับปลาทู
ผลงานวิจัยเกี่ยวกับปลาทู
นักวิจัยกรมประมงเพาะพันธุ์ปลาทูสำเร็จครั้งแรกของโลก ใช้เวลาทดลอง 2 ปี จับพ่อแม่พันธุ์มาเพาะเลี้ยงในระบบปิด มีน้ำหมุนเวียน ปรับสภาพการเลี้ยงให้เหมาะสมกับระบบนิเวศในทะเล พบปลาทูวางไข่มากถึง 3 หมื่นฟอง หวังช่วยทดแทนการจับปลาทูมากเกินไป
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาคร ริเริ่มการศึกษาวิจัยเพาะเลี้ยงปลาทู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตปลาทูทดแทนการใช้ทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติอย่างเกินความพอดี แต่เนื่องจากปลาทูเป็นปลาที่มีความอ่อนแอ ใจเสาะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำขึ้นจากทะเลมาเพาะเลี้ยง จึงต้องเริ่มดำเนินการจากการรวบรวมข้อมูลทางด้านชีววิทยา ฤดูกาลวางไข่ ลักษณะของนิเวศที่อยู่อาศัย ชนิดของอาหารที่พบในกระเพาะอาหารของปลาทู เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านวิชาการ และประยุกต์ในการผลิตปลาทูเชิงพาณิชย์ ด้วยการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ด้วยการให้อาหารที่มีคุณภาพและใช้ระบบน้ำหมุนเวียน
ปลาทู คู่ครัวไทย
ผู้แต่ง: อ.ศรีนรา นวลแก้ว
ISBN: 9786165300780
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ดร.วิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากความต้องการปลาทูจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้ชาวประมงมีการพัฒนาเครื่องมือการทำประมงปลาทูให้มีประสิทธิภาพในการจับที่สูงขึ้นจนเกินกำลังการผลิตของธรรมชาติ ส่งผลให้แนวโน้มของประชากรปลาทูในปัจจุบันเริ่มลดน้อยลง ที่ผ่านมากรมประมงได้ใช้มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการห้ามจับปลาทูในฤดูวางไข่ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ถึง 15 พฤษภาคมของทุกปี ในเขตทะเลอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถึงสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาทูในช่วงฤดูวางไข่
"ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมประมงมีความพยายามในการศึกษาวิจัยการเพาะขยายพันธุ์ปลาทูเพื่อทดแทนการจับจากธรรมชาติ โดยได้วางแนวทางและกำหนดนโยบายให้นักวิชาการประมงผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพ เน้นการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด ล่าสุดศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาครประสบความสำเร็จเพาะพันธุ์ปลาทูในระบบปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก" อธิบดีกรมประมงเผย
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาคร ริเริ่มการศึกษาวิจัยเพาะเลี้ยงปลาทู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตปลาทูทดแทนการใช้ทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติอย่างเกินความพอดี แต่เนื่องจากปลาทูเป็นปลาที่มีความอ่อนแอ ใจเสาะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำขึ้นจากทะเลมาเพาะเลี้ยง จึงต้องเริ่มดำเนินการจากการรวบรวมข้อมูลทางด้านชีววิทยา ฤดูกาลวางไข่ ลักษณะของนิเวศที่อยู่อาศัย ชนิดของอาหารที่พบในกระเพาะอาหารของปลาทู เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านวิชาการ และประยุกต์ในการผลิตปลาทูเชิงพาณิชย์ ด้วยการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ด้วยการให้อาหารที่มีคุณภาพและใช้ระบบน้ำหมุนเวียน
น.ส.พรรณติยา ใจอ่อน นักวิชาการประมงปฏิบัติการ และทีมเพาะเลี้ยงปลาทู ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่งสมุทรสาคร กรมประมง บอกว่า เลี้ยงปลาทูพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ได้มาจากทะเลในกระชังที่ขึงไว้ในบ่อดินนาน 6 เดือน จนปลาเติบโตถึงวัยเจริญพันธุ์ จึงย้ายปลาขึ้นมาเลี้ยงในถังเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ในโรงเพาะฟัก โดยให้อาหารสูตรเฉพาะของศูนย์ฯ และเลี้ยงในระบบกรองน้ำแบบชีวภาพด้วยเครื่องโปรตีนสกิมเมอร์ เพื่อให้ได้คุณภาพน้ำที่เหมาะสมปราศจากเมือกโปรตีนที่ตกค้าง มีการควบคุมความเค็มที่ระดับ 27-30 ส่วนใน 1,000 และควบคุมอุณหภูมิให้มีค่าคงที่อยู่ระหว่าง 29-32 องศา
"จากความพยายามมานานกว่า 2 ปี ก็ได้เกิดผลสำเร็จขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2554 โดยปลาทูได้วางไข่และสามารถอนุบาลในระบบปิดได้สำเร็จ ทั้งนี้ แม่ปลาทูวางไข่ครั้งละประมาณ 15,000-30,000 ฟอง และมีพฤติกรรมวางไข่แบบรวมฝูง แม่ปลาทั้งฝูงจะวางไข่เป็นระยะ ๆ ต่อเนื่องกันหลายวันไปจนหมดฤดูผสมพันธุ์" น.ส.พรรณติยา
สำหรับไข่ของปลาทูเป็นแบบไข่ครึ่งจมครึ่งลอยน้ำ มีหยดน้ำมันและถุงไข่แดงเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบร่างกาย ไข่มีขนาดประมาณ 0.80 - 0.96 มิลลิเมตร ใช้ระยะเวลาในการฟักประมาณ 16-17 ชั่วโมง ถุงไข่แดงของลูกปลาเริ่มยุบและหมดไปภายใน 3 วัน ลูกปลาตั้งแต่วันแรกที่ฟักออกจากไข่ถึงอายุ 7 วัน อนุบาลด้วยแพลงก์ตอนที่ประกอบไปด้วยทั้งสาหร่ายสีเขียวและสีน้ำตาล ร่วมกับโรติเฟอร์ โคพิพอต และหลังจากนั้นลูกปลาจะสามารถกินอาร์ทีเมียแรกฟักและอาหารเม็ดได้
---------------------------------------------
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-3485-7136 หรือ 0-3442-6220 ในวันเวลาราชการ
---------------------------------------------
แนะนำหนังสือ ปลาทูคู่คนไทยปลาทู คู่ครัวไทย
ผู้แต่ง: อ.ศรีนรา นวลแก้ว
ISBN: 9786165300780
ราคา 213 บาท
--------------------------------------------
แนะนำอาหารปลาทู 1 ในเมนูเด็ด
สูตรอาหารไทย : ยำปลาทู [ THAI MACKEREL SALAD ]
* เครื่องปรุง + ส่วนผสม* ปลาทู 2 ตัว (ล้างทำความสะอาดและ ผึ่งให้แห้ง)
* พริกขี้หนู 1/2 ช้อนโต๊ะ (ปรับ เพิ่ม/ลด ตามความชอบ)
* ต้นหอมหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
* ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
* ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
* ใบสาระแหน่ (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)
* ผักสดสำหรับทานกับยำ (แตงกวา, มะเขือเทศ, อื่นๆ)
* น้ำมันสำหรับทอด
--------------------------------------------
แนะนำอาหารปลาทู 1 ในเมนูเด็ด
สูตรอาหารไทย : ยำปลาทู [ THAI MACKEREL SALAD ]
* เครื่องปรุง + ส่วนผสม* ปลาทู 2 ตัว (ล้างทำความสะอาดและ ผึ่งให้แห้ง)
* พริกขี้หนู 1/2 ช้อนโต๊ะ (ปรับ เพิ่ม/ลด ตามความชอบ)
* ต้นหอมหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
* ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
* ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
* ใบสาระแหน่ (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)
* ผักสดสำหรับทานกับยำ (แตงกวา, มะเขือเทศ, อื่นๆ)
* น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง
ใส่ปลาทูลงไปทอดจนสุกเหลืองทั่ว จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน
จากนั้นจึงแกะเอาแต่เนื้อปลาทูออกมาเตรียมไว้ (ถ้าไม่ชอบมันหรือกำลังลดความอ้วน
สามารถนำปลาทูไปนึ่งแทนการทอดได้)
2. ในชามขนาดใหญ่,
ผสมเนื้อเปลาทูทอด (หรือนึ่ง), หอมแดง,
ต้นหอม, ตะไคร้และ พริกขี้หนู เข้าด้วยกัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว
คลุกเคล้าจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ปรับรสตามความชอบ
4. ตักยำใส่จาน
จัดผักสดที่เตรียมไว้ข้างๆ โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ เสริฟกับข้าวสวยร้อนๆ
หรือกับแกล้มทานเล่นก็ดี
(สำหรับ 2 ท่าน)
------------------------------------------------------------------------------
|
“ปลาทูจานเด็ด ทานอร่อย สาร omega-3
มีประโยชน์คุณค่าทางโภชนาการ
วันนี้คุณกินปลาทูแล้วหรือยังครับ"
--------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
อ้างอิงข้อมูลที่มา
ปลาทู http://th.wikipedia.org/wiki/
ประมงสุดเจ๋งเพาะปลาทูครั้งแรกโลก http://hilight.kapook.com/view/66424
Fisheries http://www.fisheries.go.th/marine/KnowladgeCenter/knowledge/Platoo/platoo.html
สูตรอาหารไทย http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/thai_mackerel-salad_th.html
บทความ “ปลาทู” มรดกวัฒนธรรมไทย
คุณอังกูร รัตนพรหม หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพร
อ้างอิงข้อมูลที่มา
ปลาทู http://th.wikipedia.org/wiki/
ประมงสุดเจ๋งเพาะปลาทูครั้งแรกโลก http://hilight.kapook.com/view/66424
Fisheries http://www.fisheries.go.th/marine/KnowladgeCenter/knowledge/Platoo/platoo.html
สูตรอาหารไทย http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/thai_mackerel-salad_th.html
บทความ “ปลาทู” มรดกวัฒนธรรมไทย
คุณอังกูร รัตนพรหม หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพร
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปลาทูเป็นปลาที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน กินแล้วมีประโยชน์มากมาย
ตอบลบ