กลุ่มที่ 4 นักสารสนเทศ 2.0-3.0
เคล็ดลับอ่านเร็ว และเพิ่มพลังความจำแบบไฮสปีด!
ชื่อหนังสือ : ถอดรหัสอ่านเร็ว HI-SPEED READING
ผู้แต่ง : ลุงไอน์สไตน์
พิมพ์ครั้งที่ 1
: สำนักพิมพ์บิสคิต ตุลาคม 2551
“ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า 80 – 90 % ของความรู้หรือข้อมูลข่าวสารที่คนเราต้องการ
มักจะได้มากจากการอ่าน”
เคล็ดลับการอ่านเร็วได้ระบุไว้ว่า
การอ่านเร็วนั้นให้มองตรงไปข้างหน้าเท่านั้น ใครที่เคยอ่านออกเสียงพึมพำหรือคลออยู่ในลำคอ
หรือแม้กระทั่งอ่านออกเสียงอยู่ในใจก็ตามที ถ้าอยากอ่านเร็วควรเลิกพฤติกรรมนี้เสีย
เพราะมันทำให้สมองเรามัวเสียเวลาบัญชาการอวัยวะอื่น นอกจากตา ปกติแล้วการอ่าน
มีกระบวนการเริ่มที่ตารับภาพแล้วส่งสัญญาณไปยังสมอง เป็นความรับรู้
แล้วส่งไปยังสมองในส่วนที่จะทำการบันทึกเป็นความทรงจำ
ซึ่งมีทั้งความทรงจำชนิดสั้นและยาว
หากเรามาเสียเวลาเปล่งเสียงแม้จะเป็นการเปล่งเสียงในใจก็ตาม
ก็จะถือเป็นตัวถ่วงเวลาทั้งสิ้น
ที่ถูกต้องแล้ว เราควรอ่านทีละบรรทัด
หรือถ้าได้ฝึกฝนจนคล่องแล้ว
เราควรใช้สายตาให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่องสแกนภาพ คือ อ่านทีละหน้า
โดยไม่ต้องไล่สายตา แต่ให้โฟกัสสายตาไปที่หน้าหนังสือ
ซึ่งประกอบด้วยประโยคแต่ละประโยค กลุ่มคำที่เราคุ้นชินและเคยได้ทำความรู้จัก
โดยมันเคยถูกเก็บไว้เป็นความรับรู้ในสมองส่วนบันทึกความทรงจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่โอ้โหย...ขั้นนั้น ใครจะไปทำได้
ถึงที่สุดแล้ว
การอ่านนั้นจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้อ่านและประเภทหนังสือ
เซอร์ฟรานซิส เบคอน
กล่าวว่า เราต้องรู้ด้วยว่าหนังสือเล่มที่เรากำลังจะอ่านนั้นเป็นหนังสือประเภทใด
ถ้าเป็นตำราวิชาการ
ก็ต้องอ่านคนละแบบกับการอ่านวรรณกรรม
หนังสือก็เหมือนอาหาร
บางชนิดมีไว้ชิม ละเลียด บางชนิดมีไว้ขบเคี้ยว บางชนิดไว้มีซด
อันนี้เชิญพิจารณากันเองตามอัธยาศัย
เหนืออื่นใด หัวใจของการอ่านก็คือ การทำความเข้าใจนักเขียน นั่นเอง
เพราะนักเขียนก็เขียนเพื่อสื่อความหมายบางประการ ดังนั้น
หากเราจะอ่านโดยไม่ถามถึงหัวใจดวงนี้เลย จะเป็นบิดเบือนเจตนารมณ์ของการอ่านไปเสียเปล่า
ใช่ไหม
ที่มาข้อมูล : http://blogazine.in.th/blogs/bookgarden/post/2202
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น